วันอังคารที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2554

ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์.

ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้เป็นผลมาจากการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือในการคำนวณซึ่งมีวิวัฒนาการนานมาแล้ว เริ่มจากเครื่องมือในการคำนวณเครื่องแรกคือ "ลูกคิด" (Abacus) ที่สร้างขึ้นในประเทศจีน เมื่อประมาณ 2,000-3,000 ปีมาแล้ว
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2376 นักคณิตศาสต์ชาวอังกฤษ ชื่อ ชาร์ล แบบเบจ (Charles Babbage) ได้ประดิษฐ์เครื่องวิเคราะห์ (Analytical Engine) สามารถคำนวณค่าของตรีโกณมิติ ฟังก์ชั่นต่างๆ ทางคณิตศาสตร์ การทำงานของเครื่องนี้แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนเก็บข้อมูล ส่วนคำนวณ และส่วนควบคุม ใช้ระบบพลังเครื่องยนต์ไอน้ำหมุนฟันเฟือง มีข้อมูลอยู่ในบัตรเจาะรู คำนวณได้โดยอัตโนมัติ และเก็บข้อมูลในหน่วยความจำ ก่อนจะพิมพ์ออกมาทางกระดาษ หลักการของแบบเบจนี้เองที่ได้นำมาพัฒนาสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ เราจึงยกย่องให้แบบเบจเป็น บิดาแห่งเครื่องคอมพิวเตอร์หลังจากนั้นเป็นต้นมา ได้มีผู้ประดิษฐ์เครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นมามากมายหลายขนาด ทำให้เป็นการเริ่มยุคของคอมพิวเตอร์อย่างแท้จริง   โดยสามารถจัดแบ่งคอมพิวเตอร์ออกได้เป็น 5 ยุค
ยุคที่ 1 (พ.ศ.2549 – 2501 )
เป็นการประดิษฐ์เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มิใช่เครื่องคำนวณ โดยเมาช์ลีและเอ็กเคอร์ต (Mauchly and Eckert) ได้นำแนวความคิดนั้นมาประดิษฐ์เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพมากเครื่องหนึ่งเรียกว่า ENIAC (Electronic Numericial Integrator and Calculator) ซึ่งต่อมาได้ทำการปรับปรุงการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น   และได้ประดิษฐ์เครื่อง UNIVAC (Universal Automatic Computer) ขึ้นเพื่อใช้ในการสำรวจสำมะโนประชากรประจำปี
จึงนับได้ว่า UNIVAC เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกที่ถูกใช้งานในเชิงธุรกิจ ซึ่งนับเป็นการเริ่มของเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคแรกอย่างแท้จริงเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคนี้ใช้หลอดสุญญากาศในการควบคุมการทำงานของเครื่อง ซึ่งทำงานได้อย่างรวดเร็ว แต่มีขนาดใหญ่มากและราคาแพง ยุคแรกของคอมพิวเตอร์สิ้นสุดเมื่อมีผู้ประดิษฐ์ทรานซิสเตอร์มาใช้แทนหลอดสุญญากาศ
ลักษณะเฉพาะของเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคที่ 1
  • ใช้อุปกรณ์ หลอดสุญญากาศ (Vacuum Tube) เป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ ใช้พลังงานไฟฟ้ามาก และเกิดความร้อนสูง
  • ทำงานด้วยภาษาเครื่อง (Machine Language) เท่านั้น
  • เริ่มมีการพัฒนาภาษาสัญลักษณ์ (Assembly / Symbolic Language) ขึ้นใช้งาน
ยุคที่ 2 (พ.ศ.2502 – 2506 )
มีการนำทรานซิสเตอร์ มาใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์จึงทำให้เครื่องมีขนาดเล็กลง และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มีความรวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในยุคนี้ยังได้มีการคิดภาษาเพื่อใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เช่น ภาษาฟอร์แทน (FORTRAN) จึงทำให้ง่ายต่อการเขียนโปรแกรมสำหรับใช้กับเครื่อง
ลักษณะเฉพาะของเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคที่ 2
  • ใช้อุปกรณ์ ทรานซิสเตอร์ (Transistor) ซึ่งสร้างจากสารกึ่งตัวนำ (Semi-Conductor) เป็นอุปกรณ์หลัก แทนหลอดสุญญากาศ เนื่องจากทรานซิสเตอร์เพียงตัวเดียว มีประสิทธิภาพในการทำงานเทียบเท่าหลอดสุญญากาศได้นับร้อยหลอด ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคนี้มีขนาดเล็ก ใช้พลังงานไฟฟ้าน้อย ความร้อนต่ำ ทำงานเร็ว และได้รับความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
  • เก็บข้อมูลได้ โดยใช้ส่วนความจำวงแหวนแม่เหล็ก (Magnetic Core)
  • มีความเร็วในการประมวลผลในหนึ่งคำสั่ง ประมาณหนึ่งในพันของวินาที (Millisecond : mS)
  • สั่งงานได้สะดวกมากขึ้น เนื่องจากทำงานด้วยภาษาสัญลักษณ์ (Assembly Language)
  • เริ่มพัฒนาภาษาระดับสูง (High Level Language) ขึ้นใช้งานในยุคนี้
ยุคที่ 3 (พ.ศ.2507 – 2512 )
คอมพิวเตอร์ในยุคนี้เริ่มต้นภายหลังจากการใช้ทรานซิสเตอร์ได้เพียง 5 ปี เนื่องจากได้มีการประดิษฐ์คิดค้นเกี่ยวกับวงจรรวม (Integrated-Circuit) หรือเรียกกันย่อๆ ว่า "ไอซี" (IC) ซึ่งไอซีนี้ทำให้ส่วนประกอบและวงจรต่างๆ สามารถวางลงได้บนแผ่นชิป (chip) เล็กๆ เพียงแผ่นเดียว จึงมีการนำเอาแผ่นชิปมาใช้แทนทรานซิสเตอร์ทำให้ประหยัดเนื้อที่ได้มาก 
นอกจากนี้ยังเริ่มมีการใช้งานระบบจัดการฐานข้อมูล (Data Base Management Systems : DBMS) และมีการพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ให้สามารถทำงานร่วมกันได้หลายๆ งานในเวลาเดียวกัน และมีระบบที่ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับเครื่องได้หลายๆ คน พร้อมๆ กัน (Time Sharing)
ลักษณะเฉพาะของเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคที่ 3
  • ใช้อุปกรณ์ วงจรรวม (Integrated Circuit : IC) หรือ ไอซี และวงจรรวมสเกลขนาดใหญ่ (Large Scale Integration : LSI) เป็นอุปกรณ์หลัก
  • ความเร็วในการประมวลผลในหนึ่งคำสั่ง ประมาณหนึ่งในล้านของวินาที (Microsecond : mS) (สูงกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 1 ประมาณ 1,000 เท่า)
  • ทำงานได้ด้วยภาษาระดับสูงทั่วไป
ยุคที่ 4  (พ.ศ.2513 – 2532 )
เป็นยุคที่นำสารกึ่งตัวนำมาสร้างเป็นวงจรรวมความจุสูงมาก (Very Large Scale Integrated : VLSI) ซึ่งสามารถย่อส่วนไอซีธรรมดาหลายๆ วงจรเข้ามาในวงจรเดียวกัน และมีการประดิษฐ์ ไมโครโพรเซสเซอร์ (Microprocessor) ขึ้น ทำให้เครื่องมีขนาดเล็ก ราคาถูกลง และมีความสามารถในการทำงานสูงและรวดเร็วมาก จึงทำให้มีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer) ถือกำเนิดขึ้นมาในยุคนี้
  ลักษณะเฉพาะของเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคที่ 4
  • ใช้อุปกรณ์ วงจรรวมสเกลขนาดใหญ่ (Large Scale Integration : LSI) และ วงจรรวมสเกลขนาดใหญ่มาก (Very Large Scale Integration : VLSI) เป็นอุปกรณ์หลัก
  • มีความเร็วในการประมวลผลแต่ละคำสั่ง ประมาณหนึ่งในพันล้านวินาที (Nanosecond : nS) และพัฒนาต่อมาจนมีความเร็วในการประมวลผลแต่ละคำสั่ง ประมาณหนึ่งในล้านล้านของวินาที (Picosecond : pS)
ยุคที่ 5  (พ.ศ.2533 – ปัจจุบัน )
ในยุคนี้ ได้มุ่งเน้นการพัฒนา ความสามารถในการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ และ ความสะดวกสบายในการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ อย่างชัดเจน มีการพัฒนาสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาขนาดเล็กขนาดเล็ก (Portable Computer) ขึ้นใช้งานในยุคนี้
โครงการพัฒนาอุปกรณ์ VLSI ให้ใช้งานง่าย และมีความสามารถสูงขึ้น รวมทั้งโครงการวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) เป็นหัวใจของการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ในยุคนี้ โดยหวังให้ระบบคอมพิวเตอร์มีความรู้ สามารถวิเคราะห์ปัญหาด้วยเหตุผล
องค์ประกอบของระบบปัญญาประดิษฐ์ ประกอบด้วย 4 หัวข้อ ได้แก่
1. ระบบหุ่นยนต์ หรือแขนกล (Robotics or Robotarm System)
คือหุ่นจำลองร่างกายมนุษย์ที่ควบคุมการทำงานด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ มีจุดประสงค์เพื่อให้ทำงานแทนมนุษย์ในงานที่ต้องการความเร็ว หรือเสี่ยงอันตราย เช่น แขนกลในโรงงานอุตสาหกรรม หรือหุ่นยนต์กู้ระเบิด เป็นต้น
2. ระบบประมวลภาษาพูด (Natural Language Processing System)  คือ การพัฒนาให้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถสังเคราะห์เสียงที่มีอยู่ในธรรมชาติ (Synthesize) เพื่อสื่อความหมายกับมนุษย์ เช่น เครื่องคิดเลขพูดได้ (Talking Calculator) หรือนาฬิกาปลุกพูดได้ (Talking Clock) เป็นต้น
3. การรู้จำเสียงพูด (Speech Recognition System)  คือ การพัฒนาให้ระบบคอมพิวเตอร์เข้าใจภาษามนุษย์ และสามารถจดจำคำพูดของมนุษย์ได้อย่างต่อเนื่อง กล่าวคือเป็นการพัฒนาให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานได้ด้วยภาษาพูด เช่น งานระบบรักษาความปลอดภัย งานพิมพ์เอกสารสำหรับผู้พิการ เป็นต้น
4. ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert System)  คือ การพัฒนาให้ระบบคอมพิวเตอร์มีความรู้ รู้จักใช้เหตุผลในการวิเคราะห์ปัญหา โดยใช้ความรู้ที่มี หรือจากประสบการณ์ในการแก้ปัญหาหนึ่ง ไปแก้ไขปัญหาอื่นอย่างมีเหตุผล ระบบนี้จำเป็นต้องอาศัยฐานข้อมูล (Database) ซึ่งมนุษย์ผู้มีความรู้ความสามารถเป็นผู้กำหนดองค์ความรู้ไว้ในฐานข้อมูลดังกล่าว เพื่อให้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถวิเคราะห์ปัญหาต่างๆ ได้จากฐานความรู้นั้น เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์วิเคราะห์โรค หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ทำนายโชคชะตา เป็นต้น 


นวัตกรรมท้องถิ่น



กาละแมโบราณ
ส่วนผสม

แป้งข้าวเหนียว                                 2                  ถ้วย
หัวกะทิ                                               3                  ถ้วย
น้ำตาลปีบ                                          2                  ถ้วย
กาบมะพร้าวอ่อน                             1                  ผล
น้ำมันพืชสำหรับทาขนม                1-2              ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ 

1. โขลกถ่านกาบมะพร้าวให้แหลก เติมน้ำลงไป 4 ถ้วย คนแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง
2. นวดแป้งข้าวเหนียวกับน้ำถ่านสีดำ โดยค่อยๆเติมน้ำไปทีละน้อย นวดไปจนแป้งเนียน
จึงเติมหัวกะทิและน้ำตาล คนให้เข้ากัน






3. ใส่ส่วนผสมลงในกระทะทองตั้งไฟอ่อน กวนไปจนเหนียว จับตัวเป็นก้อนล่อนจากกระทะ
4. เทขนมใส่ถาดสี่เหลียมที่ทาด้วยน้ำมันพืชไว้แล้ว เกลี่ยให้เรียบเสมอ
ใช้ใบตองลูบหน้าขนมให้ขึ้นเงาพักไว้จนเย็นตัวลงแล้วจึงตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยม

วันเสาร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2554

แผนการสอน

แผนการจัดการเรียนรู้  
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม                                 ชั้นประถมศึกษาปีที่๑
หน่วยการเรียนรู้ที่     เรื่องสัญลักษณ์ที่สำคัญของชาติไทย                            เวลา    ชั่วโมง
แผนการจัดการเรียนรู้ที่    เรื่องความหมายและความสำคัญของสัญลักษณ์ที่สำคัญของชาติไทย
                                                                                                                         เวลา    ชั่วโมง
.............................................................................................................................................................
๑.   มาตรฐาน/ตัวชี้วัด
                เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย  วัฒนธรรม  ภูมิปัญญาไทยมีความรัก  ความภูมิใจ  และธำรงความเป็นไทย  (มฐ.ส๔.๓)
                อธิบายความหมายและความสำคัญของสัญลักษณ์สำคัญของชาติไทยและปฏิบัติตนได้ถูกต้อง  (มฐ.ส๔.๓ ป.๑/๑)

๒.   สาระสำคัญ
                สัญลักษณ์ที่สำคัญของชาติไทยประกอบด้วย  ชาติ  ศาสนา  และพระมหากษัตริย์

๓.   จุดประสงค์การเรียนรู้
                ๓.๑   ด้านความรู้
                          อธิบายความหมายและความสำคัญของสัญลักษณ์ที่สำคัญของชาติไทย
                ๓.๒   ด้านทักษะกระบวนการ
                          จำแนกสัญลักษณ์ที่สำคัญของชาติไทย
                ๓.๓   ด้านคุณธรรมจริยธรรมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์
                          เห็นคุณค่าและเทิดทูนในสถาบันหลัก  คือ ชาติ  ศาสนา  พระมหากษัตริย์

๔.   สาระการเรียนรู้
                ความรู้  
                          ความหมายและความสำคัญของสัญลักษณ์ที่สำคัญของชาติไทย
                ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด
                          จำแนก การให้เหตุผล  การสรุปความรู้  การจัดระบบความคิดเป็นแผนภาพ
                คุณลักษณะอันพึงประสงค์
                          รักชาติ  ศาสน์  กษัตริย์  รักความเป็นไทย


๕.   กระบวนการจัดการเรียนรู้
                ๕.๑   ขั้นนำ
                          ครูเขียนคำว่า  สัญลักษณ์    เป็นบัตรคำติดบนกระดานให้นักเรียนอ่านพร้อมกัน  จากนั้นครูถามคำถามดังนี้
                       -   คำว่า  สัญลักษณ์   มีความหมายว่าอย่างไร
จากนั้นครูอธิบายความหมายของคำว่าสัญลักษณ์  โดยเขียนบนกระดานให้นักเรียนอ่านพร้อมกัน
               
-                   สัญลักษณ์  สิ่งที่กำหนดนิยมกันขึ้นมา  เพื่อใช้แทนความหมายของอีกสิ่งหนึ่งเช่น  ตัวหนังสือหรืออักษรใช้แทนความหมายของเสียงที่พูด  เป็นต้น

๕.๒   ขั้นสอน
          ให้นักเรียนทำความรู้จักสัญลักษณ์ชาติไทย  โดยครูถามคำถามเพื่อกระตุ้นความคิดของนักเรียน  ดังนี้
                        -   นักเรียนรู้จักสัญลักษณ์ของชาติไทยหรือไม่
                       -    สัญลักษณ์ชาติไทยมีอะไรบ้าง
จบการแสดงความคิดเห็นของนักเรียน   ครูอธิบายความรู้เพิ่มเติม
จากนั้นครูเขียนคำว่า   สัญลักษณ์ชาติไทย  อธิบายบนกระดานให้นักเรียนอ่านพร้อมกัน  ดังตัวอย่าง

สัญลักษณ์ชาติไทยเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเป็นชาติไทยที่แตกต่างจากชาติอื่น  เป็นลักษณะที่บ่งบอกความเป็นชาติไทย
                จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันบอกสัญลักษณ์ชาติไทยที่นักเรียนรู้จัก  เขียนสรุปเป็นแผนภาพบในกระดาษ A 4  ตามความเข้าใจของนักเรียน

                                                             ธงชาติไทย

          อาหารไทย
สัญลักษณ์ชาติไทย                             วัด
                                                                               


                                                                     ภาษาไทย

                                                                                               
               
๕.๓   ขั้นสรุป
           ให้นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้  ดังนี้
                      -   สัญลักษณ์ที่สำคัญของชาติไทยประกอบด้วย ชาติ  ศาสนา  พระมหากษัตริย์   พร้อมให้นักเรียนวาดภาพธงชาติไทยลงในกระดาษ A 4 และบอกว่ามี กี่สี  กี่แถบ  แต่ละ สี    หมายถึงอะไร
           ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น  โดยครูใช้คำถามท้าทาย ดังนี้
-                   นักเรียนมีอะไรที่เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเป็นตัวตนของตนเอง

๕.๔   ขั้นฝึกทักษะ /ภาระงาน /ชิ้นงาน
                ฝึกอ่านคำว่าสัญลักษณ์  วาดภาพธงชาติไทย  บอกความหมายของแต่ละสีของธงชาติไทย

สื่อ/อุปกรณ์และแหล่งเรียนรู้
                ๖.๑   สื่อ/อุปกรณ์
                         -   บัตรคำ
                ๖.๒   แหล่งเรียนรู้
                         -   ห้องเรียน

๗.     การวัดและประเมินผล

จุดประสงค์การเรียนรู้
วิธีวัด
เครื่องมือวัด
เกณฑ์การผ่าน
๑.  ด้านความรู้
การสรุปแผนภาพในกระดาษA 4
สรุปถูกต้อง
ระดับ2ขึ้นไป
๒.ด้านทักษะกระบวนการ
การอ่านบัตรคำ
อ่านถูกต้อง
ระดับ2ขึ้นไป
๓.ด้านคุณธรรมจริยธรรม
คุณลักษณะอันพึงประสงค์
สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้าร่วมกิจกรรม
แบบสังเกตพฤติกรรม
ระดับ2ขึ้นไป







8. ข้อเสนอแนะ
               
                ครูผู้สอนเพิ่มกิจกรรม หรือชิ้นงาน  ภาระงานที่หลากหลาย  และควรจัดเตรียมสื่อ
การเรียนการสอน เช่น  รูปธงชาติไทย  เพื่อที่เด็กจะได้เข้าใจสิ่งที่ครูสอนมากยิ่งขึ้น

9. ความเห็นของผู้บริหาร

.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
                                                                                               
ลงชื่อ..................................................
                                                                                                        (.................................................)
                                                                                ตำแหน่ง..........................................................



















10. บันทึกหลังการสอน
10.1 ผลการเรียนรู้
                นักเรียนร้อยละ  90  รู้ความหมาย  และความสำคัญของสัญลักษณ์ที่สำคัญของชาติไทย  รวมทั้งจำแนกสัญลักษณที่สำคัญและเห็นคุณค่าแสดงความเคารพสัญญลักษณ์ที่สำคัญของชาติไทยได้อย่างถูกต้อง

10.2  ปัญหาและอุปสรรค
                นักเรียนร้อยละ 10 ยังไม่สามารถ บอกความหมายและความสำคัญของสัญลักษณ์ที่สำคัญ
รวมทั้งจำแนกสัญลักษณ์ที่สำคัญและห็นคุณค่าแสดงความเคารพสัญลักษณ์ที่สำคัญของชาติไทยได้อย่างถูกต้อง

10.  ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข
                ครูนำบัตรคำและควรนำสื่อที่เป็นรูปภาพเกี่ยวกับสัญลักษณ์ที่สำคัญมาให้นักเรียนดูและอธิบายเพิ่มเติมทีละคนพร้อมทั้งให้ทำแบฝึกหัดหรือภาระงานเพิ่ม

                                                                                ลงชื่อ.................................................ครูผู้สอน
                                                                                               (นางวิลาวัลย์   กองงคล)
                                                                                ตำแหน่ง       ครูอัตราจ้างสอน
                                                                                                ........../........................../.........

ประวัติส่วนตัว

ชื่อนางวิลาวัลย์              สกุล กองมงคล    ชื่อเล่น  วิ   
รหัสนักศึกษา               537003017
ภูมิลำเนาเดิม                 19  หมู่ 8   ตำบลนางาม   อำเภอเรณูนคร   จังหวัดนครพนม
ที่อยู่ปัจจุบัน                  145/4   หมู่ 12   ตำบลอ่างทอง    อำเภอเชียงคำ    จังหวัดพะเยา  
                                     (บ้านพักข้าราชการตำรวจ)
ประวัติการศึกษา           -ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6  ร.ร.เรณูนครวิทยานุกูล   อำเภอเรณูนคร  
                                       จังหวัดนครพนม
                                    -ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงจาก  ร.ร.รัตนบัณฑิตพาณิชยการ  (RBEC)
                                      เขตบางกะปิ   กทม.
                            -  ระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย จ.เชียงราย
อาชีพ                             ครูโรงเรียนอนุบาลคุณากรวิทยา
สถานที่ทำงาน               โรงเรียนอนุบาลคุณากรวิทยา อำเภอเชียงคำ   จังหวัดพะเยา
สิ่งที่ชอบ                        ความเป็นธรรม  , ความยุติธรรม
สิ่งที่ไม่ชอบ                   ความไม่เป็นธรรม  ,  ความไม่ยุติธรรม
คติประจำใจ                   ความพยายามนำมาซึ่งความสำเร็จ